เคาท์ดาวน์วันปีใหม่ ณ ประเทศมาเลเซีย

สวัสดีปีใหม่ 2559 ย้อนหลังทุกคนนะครับ

วันนี้ผมมีประสบการณ์ท่องเที่ยววันสิ้นปี และเคาท์ดาวน์ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ณ กัวลาลัมเปอร์ เมืองหลวงแห่งประเทศมาเลเซีย มาเล่าให้ทุกคนฟังกันครับ

ขออนุญาตเล่าเป็นเรื่องไล่วันเวลาตั้งแต่ต้นวันจนถึงช่วงเวลาเคาท์ดาวน์นะครับ

20151231_230724

31 ธันวาคม 2558

8.30 น. 

หลังจากที่ผมและเพื่อนพลาดซื้อตั๋วขึ้นตึกแฝดปิโตรนาสเมื่อวันก่อนเนื่องจากไม่รู้ว่าเขาจำกัดจำนวนคนขึ้น และควรมาจองคิวตั้งแต่ต้นวัน ในวันนี้พวกผมเลยต้องตื่นกันมาแต่เช้า เพื่อเตรียมตัวไปเข้าคิวซื้อตั๋ว และเลือกเวลาขึ้นตึกปิโตรนาสครับ

 KL Sentral >>> KLCC

9.20 น.

พวกเราเดินทางมาถึงชั้นใต้ดินของตึกแฝดปิโตรนาส พบว่ามีนักท่องเที่ยวต่อคิวกันเริ่มยาวพอสมควร ถ้าลองสังเกตที่พื้นจะเห็นมีเส้นสีดำลากคดเคี้ยวอยู่ เส้นสีดำนี่แหละครับที่เป็นจุดกำหนดให้เรายืนรอต่อคิวจนกว่าจะถึงเคาน์เตอร์ ปกติแล้วช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ตกดินของกัวลาลัมเปอร์ คือ ประมาณ 19.00 น. ผมกับเพื่อนจึงตั้งใจจะเลือกช่วงเวลานี้เพื่อขึ้นไปเก็บภาพด้านบนของจุดชมวิว แต่เมื่อพวกเรารอคิวจนมาถึงที่เคาน์เตอร์ก็พบว่า รอบเวลาขึ้นชมตึกตอนเย็นเต็มเกือบหมดแล้ว เหลือเพียงรอบ 19.30 และ 20.30 น. เท่านั้น ผมจึงรีบจองรอบ 19.30 น. แบบไม่รีรอ

หมายเหตุ : ตึกปีโตรนาสจะจำกัดจำนวนผู้เข้าชม โดยอนุญาตให้ขึ้นชมเป็นรอบๆ รอบละประมาณ 15 นาที ต่อจุดชมวิวครับ

DSCF8352

อาคารตึกแฝดปิโตรนาส (Petronas Twin Tower) อาคารแฝดคู่ที่สูงที่สุดในโลก มีความสูงทั้งหมด 451 เมตร มีจำนวนชั้นทั้งหมด 88 ชั้น ใช้งบประมาณในการก่อสร้างทั้งหมด 1 พัน 6 ร้อยล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 4 หมื่น 6 พันล้านบาท อาคารเริ่มต้นก่อสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ.2535 เปิดใช้งานอย่างเป็นทางการเมื่อปี พ.ศ.2542 โดยมีนายเซซาร์ เปลลี สถาปนิกชาวอาร์เจนตินา เป็นผู้ออกแบบ สถาปัตยกรรมของอาคารได้แรงบันดาลใจจากดาว 8 แฉกของศาสนาอิสลาม อาคารทั้งสองก่อสร้างโดยใช้ผู้รับเหมาคนละประเทศกัน คือ ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ โดยรัฐบาลมาเลเซียมีความมุ่งหมายจะให้สองประเทศแข่งขันกันสร้าง ที่ชั้นที่ 41 และ 42 ของตึกทั้งสองจะมีทางเดินกระจกเชื่อมต่อกันอยู่  ปัจจุบันสะพานเชื่อมนี้ยังคงครองสถิติเป็น “สะพาน 2 ชั้น ที่มีความสูงมากที่สุดในโลก”

อาคารมีจุดชมวิวเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมอยู่ 2 จุด คือ ที่ชั้น 41 และ 88 ของอาคาร มีการจำกัดผู้เข้าชมเพียงวันละ 1,400 คนเท่านั้น โดยสามารถซื้อตั๋วเข้าชมล่วงหน้าได้ผ่านเว็บไซต์

ที่อยู่ : Kuala Lumpur City Centre, 50088 Kuala Lumpur, Wilayah Persekutuan Kuala Lumpur, Malaysia

เปิด/ปิด : วันอังคาร-วันอาทิตย์ 9.00-21.00 น. (ปิดวันจันทร์)

ราคา : ผู้ใหญ่ 80 RM เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี 30 RM

Website : http://www.petronastwintowers.com.my/

10.00-11.00 น.

หลังจากที่จองตั๋วขึ้นชมตึกแฝดที่สูงที่สุดในโลกได้แล้ว เราก็เริ่มเดินทางตามแผนเดิมที่ได้วางไว้ต่อทันที นั่นคือเดินทางไปเมือง “ปุตราจายา”

KLCC>>> KL Sentral >>> Putrajaya

DSCF9120

 11.30 น.

ช่วงนี้ผมกับเพื่อนเดินเที่ยวในเมืองปุตราจายาไล่ตามสถานที่ไปเรื่อยๆ เริ่มตั้งแต่นั่งรถเมล์สาย 502 ไปยัง Masjid Putra แล้วเดินต่อไปยังสะพาน Seri Wawasan, Monumen Alaf Baru และ Majid Tuanku

อ่านรีวิวเมืองปุตราจายาแบบเต็มๆได้ ที่นี่

18.00 น.

หลังจากที่ผมและเพื่อนถ่ายรูปกันที่มัสยิด Tuanku ที่สุดท้ายกันเพลิน จนพลาดรถเมล์ที่จะวิ่งไปยังสถานีรถไฟฟ้า Putrajaya Sentral หากจะรอคันใหม่มาก็ต้องรออีก 40 นาที เลยจำเป็นต้องโบกแท็กซี่เพื่อเดินทางไปสถานีแทน เรื่องราววุ่นๆเลยเกิดขึ้น เพราะเมื่อแท็กซี่จอด ครั้งแรกแท็กซี่บอกราคาพวกเราว่า “One Five” ด้วยความรีบและเข้าใจผิด คิดว่า 1.5 RM (ที่เมืองนี้ค่ารถเมล์มาใจกลางเมืองราคาเพียง 0.5 RM) ผมจึงรีบกระโดดขึ้นแท็กซี่เลยทันที พอนั่งมาได้พักหนึ่งแท็กซี่เลยบอกว่าที่เขาบอกราคาหมายถึง “Fifteen” เพื่อนพยายามต่อรองด้วยการเปิดมิเตอร์ โดยอ้างราคาแท็กซี่ที่แปะอยู่ด้านข้างประตูรถ และเทียบระยะทางที่รถขับจาก Googlemap แต่แท็กซี่ไม่ยอม เมื่อถึงสถานีรถไฟพวกเราพยายามต่อราคาที่เหมาะสมเพราะคิดว่าราคาที่เขาเรียกมายังไงก็สูงไป เมื่อเทียบกับเรทปกติ แต่แท็กซี่ก็ยังยืนยันว่าจะเก็บเงินเท่าเดิมพร้อมกับบอกผมและเพื่อนก่อนขับรถผ่านพวกผมไป ด้วยประโยคสั้นๆว่า…

“This is Putrajaya”

ปุตราจายา (Putrajaya) เมืองใหม่ตามแนวคิดของอดีตนายกรัฐมนตรี ดร.มหาเธร์ โมฮำมัด สร้างขึ้นเพื่อเป็นเมืองแห่งอนาคต เป็นที่ตั้งสำนักงานของฝ่ายบริหารและประมุขของประเทศ เริ่มก่อสร้างขึ้นตั้งแต่ปีพ.ศ.2538 มีการนำรูปแบบอาคารและสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นของโลกจากหลายที่มารวมกันไว้อยู่ที่เมืองแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นสะพานที่สร้างเหมือนกับสะพานโกลเดนเกท สะพานซิดนีย์ฮาร์เบอร์ สะพานคาจูแห่งอิหร่าน อนุสาวรีย์วอชิงตัน กลุ่มตึกสูงดูไบ และมัสยิดซึ่งสร้างอย่างยิ่งใหญ่คล้ายสถาปัตยกรรมของโลกอาหรับ

18.00-19.00 น.

เมื่อมาถึงสถานีรถไฟแล้ว เราจึงรีบวิ่งไปชานชาลาเพื่อต่อรถไฟเข้าเมืองเตรียมไปขึ้นตึกปิโตรนาสที่จองไว้เมื่อเช้า และเตรียมตัวเคาท์ดาวน์ต่อกันทันที

Putrajaya >>> KL Sentral >>> KLCC

19.00 น.

พวกเราเดินทางมาถึงตึกปิโตรนาสกันอีกครั้ง  มาคราวนี้เรามีบัตรขึ้นตึกแล้ว จึงรีบเข้ามาต่อคิว แสกนกระเป๋า ฝากของ และรับบัตร Visitor สำหรับขึ้นชมตึกครับ (รอบเวลาขึ้นชมตึกของแต่ละกลุ่มจะดูได้จากสีของสายห้อยคอ)

19.15 น.

จุดชมวิวแรกของตึกปิโปรนาสเป็นสะพานเชื่อมระหว่างสองอาคาร (Sky Bridge) ที่ชั้น 41 ที่จุดชมวิวชั้นนี้ พนักงานจะให้เวลาเราเพียง 15 นาทีในการชมวิวและถ่ายรูปครับ เมื่อหมดเวลาพนักงานจะมาตามเราให้ไปต่อคิวพร้อมกับกลุ่ม รอขึ้นลิฟต์ไปยังจุดชมวิวที่ชั้น 88 ซึ่งเป็นชั้นที่สูงสุดของอาคาร

Floor 41st  >>>  Floor 88th

 19.30 น.

ทันทีที่เปิดประตูของลิฟต์เปิดออกที่ ชั้น 88 ภาพของห้องโถงขนาดใหญ่พร้อมกับจุดชมวิวแบบตระการตาก็ได้ปรากฏขึ้น แต่น่าเสียดายว่าตอนที่พวกผมขึ้นไปนั้น พระอาทิตย์ได้ตกดินลงไปเสียแล้ว การจะมองออกไปชมวิวด้านนอกของตึกจึงเป็นไปได้ยาก จะเห็นได้ชัดเจนก็เพียงแต่ตึกแฝดที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามเท่านั้น เนื่องจากแสงไฟที่ส่องตึกจากด้านนอกสะท้อนกับกระจกจนเกิดเป็นเงาที่หน้าต่างหมดเลย (ถ้าแนะนำอยากให้เลือกมาขึ้นตึกช่วงเวลา 18.30 น.น่าจะดีกว่าครับ)

21.00 น.

ลงมาจากจุดชมวิวด้วยความหิว ผมเริ่มต้นหาข้อมูลร้านอาหารแนะนำของห้างผ่านทางโทรศัพท์มือถือ จนสุดท้ายตัดสินใจได้ว่าร้านอาหารเจ้าดังที่พวกเราจะไปกินกันคืนนี้นั้นก็คือ “Madam Kwan” แต่ด้วยความมีชื่อเสียงโด่งดังมากของร้านนี้นัั้น ทำให้ที่หน้าร้านมีผู้คนมาต่อแถวกันยาวเหยียด

ผมกับเพื่อนทนความหิวไม่ไหว จึงเปลี่ยนใจมากินที่ร้าน “Miss Kwan” ซึ่งร้านนี้เป็นเพียงแค่ร้านเล็กๆ ตั้งอยุ่เยื้องกับปากทางเข้าร้านของมาดามแทน เพราะเห็นว่าคนน้อยกว่า (ตอนแรกพวกเรานึกว่าร้านนี้เป็นร้านคู่แข่งของมาดาม แต่ระหว่างที่รออาหารมาเสริฟอยู่นั้น ปรากฏว่าพวกเราเห็นพนักงานของร้านนี้ เดินเข้าไปเข็นอาหารที่ปรุงจากร้านมาดามหม้อใหญ่ๆออกมาตักเสริฟ สรุปแล้วกลายเป็นว่าทั้งสองร้านคือร้านเดียวกัน แค่ต่างกันที่สไตล์ของการบริการ ระหว่าง Self Service กับร้านอาหารแบบ Restaurant

TIPS : คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้ครับว่าสองร้านนี้คือร้านเดียวกัน ร้าน Miss Kwan เลยแทบไม่มีคนต่อคิวรอเลยและยิ่งไปกว่านั้นข้อดีอีกอย่างของร้านนี้ก็คือไม่มีค่า Service Charge อีกด้วย

อาหารที่ผมสั่งในภาพนี้คือ “Nasi Lemak” อาหารประจำชาติของมาเลเซีย

20151231_211312

หลังจากที่ทานอาหารแล้วก็เหลือภารกิจสุดท้ายของวันนี้ นั่นก็คือ “รอเวลาถ่ายรูปพลุวันปีใหม่”

Let’s Start the Last Mission…

22.00 น.

หลังจากได้เวลาห้างสรรพสินค้า Seria ปิดทำการ พนักงานด้านในห้างเริ่มเชิญแขกให้ออกมาข้างนอก ทันที่ที่ก้าวผ่านออกจากประตู เราจะได้พบกับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยผู้คนโห่ร้อง เป่าแตร่ และเดินกันเบียดกันจนแน่นขนัดเป็นทิศทางเดียวกันคือตรงไปยังทะเลสาบในสวนสาธารณะ ผมและเพื่อนจึงคุยกันว่าเราลองเดินอ้อมไปอีกฝั่งเพื่อหาจุดชมพลุที่คิดว่าน่าจะดีกว่า

20160101_004638.jpg

23.15 น.

เราเดินหาจุดชมพลุกันอยู่พักใหญ่ ในที่สุดก็เดินวนมาครบรอบและคิดว่าจุดที่พวกเรายืนอยู่ตอนนี้ น่าจะเป็นจุดที่สวยที่สุดแล้ว เพราะเป็นมุมที่เห็นทั้งตึกแฝดคู่ ต้นคริสมาสต์ และห้างสรรพสินค้า

DSCF9375

23.59 นาที 00 วินาที

ใกล้ถึงเวลาหมดสิ้นปีเก่าต้อนรับปีใหม่ แสงไฟจากอาคารที่อยู่รายรอบตัวเริ่มดับลง ไล่เรียงไปตั้งแต่ตึกห้างสรรพสินค้า ออฟฟิศ และไฟของต้นคริสต์มาส เหลือเว้นเพียงแสงไฟของตึกแฝดคู่ที่ส่องออกมาอย่างโดดเด่นท่ามกลางความมืดของบรรยากาศโดยรอบ ผู้คนรอบตัวผมต่างค่อยๆยืนขึ้นกันอย่างตื่นเต้นเตรียมตัวรอการนับเคาท์ดาวน์ที่จะมาถึงของวันปีใหม่ สายตาทุกคนต่างจับจ้องไปที่เดียวกันคือที่ตึกแฝด หวังจะได้ชมความสวยงามของพลุที่จุดระเบิดขึ้นจากบนตึกหลังเมื่อจบสิ้นการนับถอยหลัง

23.59 น. 50 วินาที

เสียงเป่าแตรเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ ผู้คนรอบตัว ต่างแหงนหน้ามองขึ้นฟ้า พิธีกรบนเวทีส่งเสียงประกาศผ่านไมโครโฟนออกมาดังๆ เป็นต้นเสียงให้ทุกคนได้นับไปพร้อมกันว่า…

5

4

3

2

1

.

.

.

0.00 น.

Happy New Year!

หมดสิ้นปีเก่าต้อนรับปีใหม่!

ปุ้ง! ปุ้ง! ปุ้ง! Happy New Year! เสียงพลุดังกึกก้องไปทั่วทั้งท้องฟ้า ตามมาด้วยเสียงเพลงจากคอนเสิร์ตที่เปิดบรรเลงอย่างเมามันส์ เขม่าควันสีเทาจากดินปืนฟุ้งกระจาย เปลี่ยนสีท้องฟ้าจากมืดสนิทให้กลายเป็นสีเทา

ทันที่ที่เสียงพลุดัง ทุกคนที่ยืนรอบตัวผมต่างโห่ร้อง บ้างก็หยิบมือถือเตรียมบันทึกภาพแห่งความประทับใจ ตอนนี้ทุกคนหันหน้าไปจับจ้องกับตึกแฝดปิโตรนาส หวังจะได้พบกับฉากพลุที่ยิ่งใหญ่อลังการบนยอดตึก เหมือนกับที่หลายประเทศทั่วโลกที่มักจะใช้แลนด์มาร์กของเมืองเป็นสถานที่จุดพลุ

DSCF9440

แต่ท้องฟ้าบริเวณตึกกลับมืดสนิท

.

.

.

แล้วพลุหายไปไหนล่ะ?

นี่คือสิ่งที่ทุกคนรอบตัว รวมถึงผมตั้งคำถาม

เมื่อหันหลังกลับไปมอง ทุกคนต่างร้องอ๋อ เพราะได้พบกับคำตอบที่ตัวเองสงสัย…

สรุปแล้วเค้าพลุจุดอยู่ที่ด้านหลังที่พวกเรายืนกันอยู่นี่เอง (ด้วยความโชคร้ายตำแหน่งที่ผมยืนอยู่นั้นดันมีต้นไม้บังซะเกือบมิดเลยครับ*-)

 Mission Incomplete

T_T

สรุปแล้วจุดที่ผมยืนรอดูพลุนั้นมองไม่เห็นอะไรเลย จำเป็นต้องวิ่งไปดูพลุที่จุดอื่นแทนครับ

(น่าเสียดายมากๆ อดถ่ายภาพพลุโดยมีตึกปิโตรนาสเป็นฉากหลังเลย)

ภาพทั้งหมดนี้เป็นภาพที่ได้หลังจากวิ่งไปหาจุดชมพลุใหม่ในตอนหลังครับ

สำหรับใครที่วางแผนไปเคาท์ดาวน์ที่เมืองกัวลาลัมเปอร์ไม่ว่าจะปีหน้าหรือปีไหนๆ แนะนำให้ชมวิวตามจุดในรูปภาพด้านล่างนี้นะครับ รับรองเลยว่าได้เห็นทั้งบรรยากาศ ฉากจุดพลุ และตึกคู่แฝดในมุมสวยๆ (กว่าผม) แน่ๆ

Map

Leave a comment