Continued from Part 1
หลังจากที่แผนการพิชิตภูเขาไฟฟูจิเมื่อครั้งที่แล้วของผมพังล่มเละเทะไม่เป็นท่า ในที่สุดตอนนี้ก็ได้เวลาไปพิชิตยอดภูเขาไฟฟูจิจริงๆกันซักทีครับ…
ภาพเหตุการณ์จากบทความก่อน
เรามาดูแพลนการพิชิตยอดภูเขาไฟฟูจิในโลกแห่งความเป็นจริงกันเลยดีกว่า…
7 August 2017 7.45 – 10.20 น. Bus From Shinjuku to Mt. 5th Station* 10.30 – 11.30 น. รับชุดเช่าที่ FUJISAN MIHARASHI 13.00 น. พายุใต้ฝุ่นเข้า 13.50 – 15.00 น. นั่งรถบัสกลับ Kawaguchiko Stay at CABIN & LOUNGE HIGHLAND STATION INN |
8-9 August 2017 : เที่ยวรอบทะเลสาบคาวากุจิโกะ
10 August 2017 :
9.28 – 9.33 น. local train FUJIKYUKO Line to Kawaguchiko Station
9.50 – 10.45 น. local bus to Mt.Fuji 5th Station
10.45 – 12.00 น. รับชุดเช่า + รับประทานอาหารกลางวัน
13.00 -18.00 น. Climb Mt.Fuji (Yoshida Trail)
Stay at Mt.Fuji 8th Station : Hon-Hachigome-TOMOEKAN (本八合目トモエ館)*
11 August 2017
2.00 น. Depart from Hon-Hachigome-TOMOEKAN
4.00 น. Top of Mt.Fuji
5.00 น. Sunrise and Sigthseeing Around area
7:00 น. Back to Hon-Hachigome-TOMOEKAN (Hotel Include Breakfast)
8:00 น. Depart from Hon-Hachigome-TOMOEKAN
11.00 น. Fuji 5th station
13.00-15.00 น. Bus to Shinjuku
“All journeys have secret destinations of which the traveler is unaware.”
– Martin Buber –“ทุกการเดินทางมีจุดหมายปลายทางซ่อนอยู่ จุดหมายที่นักเดินทางไม่เคยคาดคิดมาก่อน”
– มาร์ติน บูเบอร์ –
10 August 2017
6.00 น. ตื่นแต่เช้า แวะมาเติมพลังกับข้าวกล่องของร้านอาหารตามสั่งเฟรนไชน์ใกล้ๆโรงแรมชื่อ “Hotto Motto”



หลังจากที่เตรียมตัวเก็บข้าวของเสร็จแล้ว ผมก็รีบขึ้นรถไฟมายังสถานีรถไฟ Kawaguchiko เพื่อเตรียมต่อรถทันที ทันทีที่ก้าวเท้าออกจากสถานีแหงนหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าก็ทำให้ได้รู้ว่าวันนี้หมอกหนามากกก!!!

ยังไงก็ตามแต่ The Show Must go on ผมไม่สามารถเลื่อนวันเดินทางออกไปได้อีกแล้วครับ เลยตรงดิ่งไปยังจุดจำหน่ายตั๋วโดยสารรถบัสขึ้นภูเขาไฟฟูจิชั้นที่ 5 บริเวณป้ายรถเมลล์หมายเลข 7 ที่ด้านหน้าของสถานี



ตอนนี้คนมาต่อคิวกันเยอะพอสมควร เขาใช้วิธีเดิม คนเต็มเมื่อไหร่ก็รถออกครับ ผมกับเพื่อนได้ขึ้นเป็นคนสุดท้าย เลยต้องยืนบนรถตลอดทางเหมือนเดิม





ก่อนจะออกเดินทางแวะมาเปลี่ยนชุดที่ได้จองไว้ตามรายละเอียดใน Part 1 พร้อมตุนเสบียงสำหรับเติมพลังงานเสียก่อน

และซื้อไอเทมปีนฟูจิยอดฮิตของชาวญี่ปุ่น คือ “ไม้พลองหกเหลี่ยม” สำหรับคนที่ไม่มี Tracking Pole เจ้าไม้พลองเหล่านี้มีประโยชน์และสามารถช่วยชีวิตระหว่างที่เรากำลังเดินได้ดีมากๆเลยครับ เจ้าไม้นี้ช่วยได้ทั้งค้ำยันตัวเราไม่ให้เดินสะดุดล้มหน้าคะม่ำและช่วยผ่อนแรงตอนเดินบนพื้นหินกรวดขาลง ระหว่างทางเดินขึ้นยอดเขาจะมีร้านค้าให้พักเป็นช่วงๆ ที่ร้านค้าเหล่านี้นี่แหละครับ จะมีจุด”แสตมป์ตราที่ระลึก” ให้เราเก็บสะสมบนไม้พลองได้ ไม้พลองมีอยู่หลากหลายพร็อบและหลายขนาด ใครชอบธงหรือปลอกสวมไม้แบบไหน สามารถเลือกกันได้ตามใจชอบครับ
TIPS : ไม้พลองหกเหลี่ยมมีทั้งหมดสามขนาด คือ เล็ก กลาง และใหญ่ แต่ละร้านราคาไม่เท่ากันนะ ราคาโดยทั่วไปอยู่ที่ไม้ละ 500-1,400 เยน (หน้าตาของสแตมป์บนไม้ของแต่ละร้านค้าก็หน้าตาไม่เหมือนกันด้วย) ใครที่กลัวว่าหากซื้อไม้ขนาดกลางและใหญ่อาจลำบาก เพราะใส่กระเป๋าเดินทางกลับไม่ได้ ไม่ต้องกังวลไป หากใครเดินทางโดยสายการบินแบบ Full Service สามารถขอให้เขาโหลดลงใต้เครื่องพร้อมกระเป๋าได้ครับ (ในครั้งนั้นผมเดินทางการบินไทย ก่อนจะโหลด คุณแอร์สาวชาวญี่ปุ่นที่เคาน์เตอร์เขาห่อไม้ด้วยพลาสติกให้อย่างดีด้วยครับ)

12.30 น. เริ่มต้นออกเดินทาง
เดินมาถึงจุดเริ่มต้นเส้นทางจะพบกับป้ายอธิบายรายละเอียดเส้นทางทั้งหมดอยู่ครับ (แนะนำว่าให้ถ่ายรูปเส้นทางรวมตรงบิลบอร์ดนี้เก็บไว้ หรือไม่ก็ไปขอแผ่นพับรายละเอียดเส้นทางเดินที่ Tourist Information ที่อยู่ใกล้ๆกับป้ายนี้ไว้ก่อนก็ดีครับ เวลาเดินจริงจะได้รู้ว่าตอนนี้เดินถึงตรงไหนแล้ว)
หน้าตาของแผนเส้นทางที่แจกเป็นแบบนี้ครับ


สำหรับชุดปีนเขา ด้านในผมจะใส่เสื้อแบบระบายลมง่ายๆ 1 ชั้น ก่อนจะสวมชุดและกางเกงกันลมด้านนอก มีถุงกันกรวดคลุมทับรองเท้าปีนเขาแบบหุ้มข้อ สวมหมวกกันแดด (ช่วงแรกๆอาจไม่จำเป็น แต่เมื่อเจอฟ้าใสพร้อมแสงอาทิตย์ส่องแล้วจะจำเป็นมาก) พร้อมของชิ้นสุดท้ายคือ “ไม้ค้ำยัน” ครับ อาจใช้เป็น Tracking Pole หรือไม้พลองแบบในรูปก็ได้ แรกๆอาจจะคิดว่ามันเกะกะ แต่หลังๆต้องขอบคุณตัวเองเลยครับที่พกมันมาด้วย



เส้นทางเดินช่วงแรกทางเดินจะเป็นถนนดินเรียบๆรายล้อมไปด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่ มีทางเดินหินชันบ้างเป็นบางช่วง ในตอนนี้ผู้คนยังคึกคักครับ มีคณะทัวร์เดินกันเป็นกลุ่มเยอะแยะเลย
13.30 น. ใช้เวลาเดินมาประมาณ 50 นาทีก็มาถึงชั้นที่ 6 ความสูง 2,390 เมตร ทางเดินช่วงนี้ไม่ลำบากมาก แต่เรียกเหงื่อออกได้ดีพอสมควร




หลังจากที่นั่งพักได้สักครู่ก็เริ่มออกเตินทางต่อ เส้นทางเดินหลังจากชั้น 6 จะเป็นทางเดินคดโค้งเป็นฟันปลามีกำแพงหนึ่งด้านป้องกันดินไหล ใครที่รู้สึกเหนื่อยสามารถเอาหลังพิงได้



ถ้าลองสังเกตดูดีๆ ตอนนี้ชาวญี่ปุ่นก็เริ่มเหนื่อย มีหยุดพักระหว่างเดินขึ้นเขากันบ้างแล้ว

ลุกขึ้นเดินต่อ แม้ว่าจะมีหมอกหนาบดบังทุกสิ่ง สิ่งที่ผมทำได้ในตอนนั้นคือเดินตามทางต่อไปเรื่อยๆข้างหน้า โดยไม่รู้ว่าจะถึงปลายทางเมื่อไหร่
14.00 น. เดินขึ้นมาถึงความสูงระดับหนึ่ง จู่ๆก็เริ่มมีลมเริ่มพัด เมฆหมอกเคยที่มีอยู่ได้จางหายไป แหงนหน้ามองขึ้นไปพบท้องฟ้าสดใส

แหนงหน้ามองขึ้นไป เห็นเส้นทางที่ต้องเผขิญอีกยาวไกล แต่อย่างน้อยก็รู้แล้วว่าเราจะไปถึงที่ไหนต่อไป

14.40 น. ในที่สุดก็มาถึงชั้น 7 แล้วครับ


เมื่อมาถึงแล้ว สิ่งที่ไม่พลาดเลยก็คือการเอาไม้พลองมาสแตมป์ครับ ราคาสแตมป์แต่ละจุดจะแตกต่างกัน โดยอยู่ที่จุดละ 200-500 เยน (เป็นกิจกรรมละลายทรัพย์ที่หนักมากครับ)


เสร็จแล้วก็มาเตรียมตัวเดินต่อกันเลยดีกว่า… เนื่องจากวันนี้มีคณะทัวร์มาเยอะครับ คนรอต่อคิวขึ้นชั้นต่อไปก็เลยเยอะด้วย แนะนำว่าไม่ควรพักแต่ละชั้นนานครับ เพราะไม่งั้นจะเสียเวลาเวลารอเดินขึ้นต่อนานมากๆ

หลังจากตรงนี้เป็นต้นไป ทางเดินจะไม่ราบเรียบอีกต่อไป เป็นหินขลุขละ ต้องค่อยๆเริ่มเดินไต่แล้วครับ ผมเลยไม่ได้เอากล้องมาถ่ายไว้ ขออนุญาตข้ามไปที่จุดพักถัดไปชื่อ Hinode-Kan เลยครับ

ใครที่เสบียงหมดแล้ว สามารถซื้อของเพิ่มเติมได้นะครับ แต่ก็ต้องทำใจเรื่องราคาด้วยที่บนนี้แอบแรงกว่าข้างล่างประมาณ 3-4 เท่าตัว (ชั้นบนๆที่สูงกว่านี้ก็ราคาประมาณนี้)





ได้เวลาเดินต่อกันแล้วครับ




16.20 น. หลังจากที่ผ่านจุดพักมาแล้วหลายจุด รู้สึกว่าเหมือนจะเดินมาไกลแล้ว แต่จริงๆแล้วยังเหลืออีกครึ่งทางถึงจะถึงที่พัก



ยิ่งสูง อากาศก็ยิ่งเบาบาง มาถึงตรงจุดนี้ร่างกายอ่อนล้าแล้วครับ ต้องใช้ออกซิเจนกระป๋องที่พกมา พ่นเพิ่มพลังให้หายเหนื่อย (สำหรับใครที่ไม่ได้เตรียมมา บางจุดแวะพักมีขายครับ)



16.30 น. พักหายเหนื่อยแล้วก็ไปต่อ ทางเดินหลังจุดพักนี้ค่อนข้างชัน และปีนลำบากมากครับ ตอนนั้นในใจคิดเลยว่า เรามาทำอะไรบนนี้เนี่ย เดินก็เหนื่อย จะถอยหลังก็ไม่ได้ จะไม่ปีนไปต่อก็กลัวหล่น ได้แต่แหงนมองไปข้างหน้าแล้วปีนต่อไปเรื่อยๆครับ (ไม่กล้านึกถึงขาลงเลย)


16.50 น. ตอนนี้มาถึงจุดพักของชั้น 7 จุดสุดท้าย ชื่อ “Toyo-kan” หลังจากจุดนี้จะต้องปีนขึ้นไปยาวจนกว่าจะถึงชั้น 8 ครับ ท้องฟ้าที่จุดชมวิวนี้สวยมากๆ ตอนนี้รู้สึกได้เลยว่าเราขึ้นมาอยู่เหนือท้องฟ้าแล้วครับ

เดินขึ้นมาอีก (ไม่) หน่อยใกล้ถึงชั้นที่ 8 แนะนำให้หันหลังกลับมานะครับ ตอนนี้เหมือนเรากำลังเดินอยู่บนท้องฟ้าเลย :]


อ่านบทความต่อ Part 3