เชื่อว่าหลายคนที่เคยไปประเทศญี่ปุ่นน่าจะเคยมีความคิดอยากจะ “ปีนภูเขาไฟฟูจิ” กันดูซักครั้งบ้าง แต่ในใจลึกๆก็อาจจะกังวลเกี่ยวกับความลำบากของตัวเองที่จะต้องปีนป่ายเดินขึ้นเขาไปเพื่อให้ถึงยอด บางคนอาจสงสัยว่าจะมันลำบากมากไหม ร่างกายเราจะฟิตพอปีนไหวหรือเปล่า
ตัวผมเองก็เคยมีคำถามในใจแบบนี้เช่นเดียวกัน วันนี้เลยอยากจะเขียนบทความบอกเล่าประสบการณ์ที่ครั้งหนึ่งผมเคยได้พิชิตยอดภูเขาไฟแห่งนี้ เผื่อเป็นข้อมูลสำหรับใครหลายๆคนที่มีความสนใจ อยากลองหาประสบการณ์ชีวิตที่แปลกใหม่สำหรับการผจญภัยท่องเที่ยวญี่ปุ่นไปในครั้งหน้าครับ
“เริ่มต้นดี มีชัย ไปกว่าครึ่ง”
ก่อนจะไปปีนเขา เรามารู้จัก “ภูเขาไฟฟูจิ” กันสักเล็กน้อยก่อนดีกว่า… ภูเขาไฟฟูจิ หรือ ฟูจิซัง (Mt.Fuji) ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดชิสุโอกะ และยามานาชิ ด้วยความสูงถึง 3,776 เมตร หรือ 12,388 ฟุต จากระดับน้ำทะเล ทำให้ภูเขาไฟแห่งนี้ได้สถิติว่าเป็น “ภูเขาไฟที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น” ความยิ่งใหญ่ อลังการ ตระการตา และความงามอันทรงเสน่ห์ ทำให้ภูเขาไฟแห่งนี้สร้างแรงบันดาลใจแก่ชาวญี่ปุ่นมาตลอดหลายช่วงศตวรรษ ในเดือนมิถุนายน ค.ศ.2013 ที่ผ่านมา องค์การ UNESCO ได้ขึ้นทะเบียนให้ภูเขาไฟแห่งนี้เป็น “มรดกโลกด้านวัฒนธรรม”
บุคคลทั่วไปสามารถมาพิชิตยอดเขาฟูจิ ได้ในช่วงต้นเดือนกรกฏาคม-ปลายสิงหาคมของทุกปี ซึ่งช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่อากาศบนยอดเขาไม่ร้อนไม่หนาวจนเกินไป มีอุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 4-5 องศาเซลเซียส หิมะบนยอดเขาละลายจนหมด เราจึงสามารถพบเห็นนักท่องเที่ยวจากหลายสารทิศทั่วทุกมุมโลกเป็นจำนวนมากต่างหลั่งไหลกันมา โดยทุกคนมีเป้าหมายเดียวกันคือ “เพื่อพิชิตยอดเขาแห่งนี้”
ฟูจิมีเส้นทางการปีนเขาอยู่ทั้งหมด 4 เส้น คือ Yoshida Trail, Subashiri Trail, Gotemba Trail และ Fujinomiya Trail แต่เส้นทางที่เป็นที่นิยม สะดวก ปลอดภัย และเดินได้ง่ายที่สุด คือ “เส้นทางปีนเขาโยชิดะ (Yoshida Trail)” ระยะทางเดินรวมทั้งหมดประมาณ 6 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินรวมกันประมาณ 6-8 ชั่วโมง มีจุดเริ่มต้นการทางที่เมืองคาวากุจิโกะ (Kawaguchiko) จังหวัดยามานาชิ (Yamanashi)

สามารถศึกษาเส้นทางการปีนเขาทั้งหมดอย่างละเอียดที่ : http://www.fujisan-climb.jp/en/trails/index.html
ฟูจิแบ่งออกเป็นทั้งหมด 10 ชั้น จุดเริ่มต้นการปีนเขาจะอยู่ที่ชั้น 5 (ระดับความสูง 2,300 เมตรจากระดับน้ำทะเล) แล้วค่อยๆเดินไต่ระดับความชันไปเรื่อยๆจนถึงยอดที่ชั้น 10 (ความสูง 3,776 เมตร )
รู้หรือไม่? : ภูเขาไฟฟูจิทีดูเงียบสงบอย่างเราเห็นกันอยู่ทุกวันนี้นั้น แท้ที่แล้วยังไม่ได้ดับสนิท! ด้านในของภูเขาไฟที่ชั้นใต้ผิวเปลือกโลกนั้น ยังคงมีหินร้อนหนืดหรือแม็กม่าไหลเวียนวน และสามารถปะทุขึ้นมาเป็นลาวาได้อยู่ มีข้อมูลพบว่าภูเขาไฟฟูจิระเบิดและพ่นลาวาออกมาครั้งล่าสุดในช่วงยุคสมัยเอโดะ (ค.ศ.1707) ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์จัดหมวดหมู่ของภูเขาไฟแห่งนี้ให้เป็นภูเขาไฟที่มีโอกาสเกิดการปะทุต่ำ
ก่อนออกเดินทางผมมีความกังวลเรื่องการปีนเขาอยู่พอสมควร เนื่องจากไม่เคยมีประสบการณ์และทักษะการปีนเขามาก่อนเลยในชีวิต กำลังกายก็ไม่ค่อยได้ออก แถมยังไม่มีอุปกรณ์อะไรสักอย่าง หลังจากที่ใช้เวลาศึกษาข้อมูลในอินเตอร์เนตอยู่นาน สุดท้ายแล้วก็สามารถวางแผนการเดินทางดังนี้ครับ
มาดูแพลนการปีนฟูจิในอุดมคิตของผมกันก่อนดีกว่า…
7 August 2017 7.45 – 10.20 น. Bus From Shinjuku to Mt. 5th Station* 10.30 – 11.30 น. รับชุดเช่าที่ FUJISAN MIHARASHI 12.00 – 18.00 น. Climb Mt.Fuji (Yoshida Trail) Stay at Mt.Fuji 8th Station : Hon-Hachigome-TOMOEKAN (本八合目トモエ館)*8 August 2017 2.00 น. Depart from Hon-Hachigome-TOMOEKAN 4.00 น. Top of Mt.Fuji 5.00 น. Sunrise and Sigthseeing Around area 7:00 น. ฺBack to Hon-Hachigome-TOMOEKAN (Hotel Include Breakfast) 8:00 น. Depart from Hon-Hachigome-TOMOEKAN 11.00 – 13.00 น. Fuji 5th station (rest, lunch and return goods at FUJISAN MIHARASHI) 13:25-14.10 น. Fuji 5th station to Kawaguchiko Station Check in at CABIN & LOUNGE HIGHLAND STATION INN* 17:00 – 21.00 น. Onsen at Fujiyama Onsenหมายเหตุ : * ต้องจองล่วงหน้า |
วางแพลนเสร็จแล้วต่อมาก็ถึงขั้นการเตรียมตัวครับ
มาดูกันเลยครับว่า ก่อนจะปีนฟูจิต้องเตรียมตัวอะไรกันบ้าง…
สิ่งที่ต้องเตรียมจากเมืองไทย
- เลือกวันเวลาที่จะเดินทาง : ควรศึกษาพยากรณ์อากาศล่วงหน้า โดยดูจากเว็บไซต์พยากรณ์อากาศต่างๆ หลีกเลี่ยงวันเดินทางที่อาจมีฝนตก และหลีกเลี่ยงการขึ้นเขาในวันหยุด โดยเฉพาะวันที่ 11 สิงหาคม ซึ่งเป็น “วันแห่งภูเขา (Mountain Day)” วันหยุดราชการของญี่ปุ่นที่สนับสนุนให้คนออกมาปีนเขาครับ (แน่นอนว่าภูเขาที่ว่าก็คือฟูจิเนี่ยแหละ)
- จองรถบัส : ผมเลือกจองรถบัสจากเมืองไทยไปก่อนครับ โดยเลือกเส้นทางที่วิ่งตรงจากชินจูกุ – ภูเขาไฟฟูจิชั้นที่ 5 เพื่อประหยัดเวลาในการเดินทาง ราคารถเที่ยวละประมาณ 2,700 เยน ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง 35 นาที
- จองรถบัสได้ที่ : https://highway-buses.jp/thai/ (ภาษาไทย)
- เลือกโรงแรมที่พักระหว่างทางบนภูเขา : มีคำแนะนำจากคนรู้จักชาวญี่ปุ่นให้จองที่พักที่ภูเขาไฟฟูจิชั้นที่ 8 เนื่องจากเมื่อเดินขึ้นมาจากจุดเริ่มต้นตอนเที่ยงจะถึงจุดนี้เวลาประมาณหกโมงเย็นพอดี ใช้เวลาอีกไม่นานก็จะเดินขึ้นถึงยอด (หรอ?) จากที่จุดนี้จะเป็นจุดที่ขาลงเราสามารถเดินวกลงมาเจอที่พักเพื่อทานอาหารเช้าได้ด้วย ผมเลือกจองโรงแรมชื่อ Hon-Hachigome-TOMOEKAN (本八合目トモエ館) ครับ (ที่พักในชั้นอื่นๆ ไม่มีทางเดินขาลงที่วกไปถึง ดังนั้นจะต้องรีบตื่นเช้ากว่าตีสอง และเดินค่อนข้างเหนื่อย เพื่อปีนขึ้นไปให้ถึงยอดก่อนพระอาทิตย์ขึ้น แถมไม่สามารถแวะรับประทานอาหารเช้าได้)
- จองโรงแรม : https://tomoekan.com/ (ภาษาญี่ปุ่น)
- จองโรงแรมอื่นๆ : https://www.fujimountainguides.com/mountain-hut-reservations.html (ภาษาอังกฤษ)
- เตรียมชุดปีนเขา : เนื่องจากผมไม่เคยปีนเขามาก่อน จึงไม่มีอุปกรณ์อะไรเกี่ยวกับการปีนเขาทั้งสิ้น หลังจากที่หาข้อมูลทำให้ผมทราบว่า ในญี่ปุ่นมีร้านสำหรับเช่าชุดปีนภูเขาไฟฟูจิอยู่หลายร้าน ผมเลือกจองของบริษัท Lamont ซึ่งข้อดีของบริษัทนี้คือ ชุดและรองเท้าสามารถเลือกสีได้ สามารถจองล่วงหน้าแล้วจ่ายเงินผ่าน paypal แล้วค่อยรับสินค้าวันที่จะปีน ณ ร้านค้าบนฟูจิชั้น 5 ก็ได้ แถมที่นั่นยังมีบริการห้องนั่งพักให้เปลี่ยนชุดฟรีอีกด้วย (แต่ไม่ใช่ห้องแต่งตัวนะเป็นแค่ห้องห้องโล่งๆให้พักผ่อนใส่ๆถอดๆอะไรได้นิดหน่อยเฉยๆ) แถมหลังจากปีนแล้วสามารถคืนชุดเช่าได้เลยที่จุดรับชุดที่รับมา ไม่ต้องขนลงไปให้เหนื่อย)
- เว็บไซต์จองชุดร้าน Lamont : https://lamont.jp/ (ภาษาญี่ปุ่น)
- เว็บไซต์จองชุดร้าน Kobeoutdoors : https://mtfujirental.com/ (ภาษาอังกฤษ)
อุปกรณ์ที่อยากแนะนำให้เตรียมพร้อมก่อนการปีนภูเขาไฟฟูจิ
- เสื้อและกางเกงกันลม (ถ้ากันฝนได้ด้วยจะดีมาก)
- รองเท้าปีนเขา (แนะนำเป็นรองเท้าที่หุ้มข้อครับ ไม่แนะนำรองเท้าผ้าใบธรรมดา เพราะอาจปวดขาได้)
- ถุงมือ (แนะนำเอาที่แบบจับหินแล้วไม่ลื่นครับ)
- Tracking Pole (ไม้ค้ำยันพื้นระหว่างปีนเขา)
- ถุงกันกรวดเข้ารองเท้า
- กระเป๋าเป้สะพายสำหรับเดินเขา (หรือแบบผ่อนแรง)
- ไฟฉายแบบสวมคาดหัว
- หมวกกันแดด
- เสื้อลองจอน
- ออกซิเจนกระป๋อง
- เจลเพิ่มพลังงาน (แนะนำ 3-4 ซอง)
- เครื่องดื่มเพิ่มพลังงาน เช่น เกลือแร่ 1 ขวดลิตร
- กล้องถ่ายรูปและ Power Bank
- เงิน (สำคัญมาก)
เตรียมการทุกอย่างล่วงหน้าเสร็จแล้วก็ได้เวลาเดินทางกันแล้วครับ…
“A journey of a thousand miles must begin with a single step.”Lao Tzuการเดินทางนับพันไมล์เริ่มต้นได้จากก้าวเล็กๆ เพียงหนึ่งก้าว
7 August 2017
เริ่มต้นการเดินทางด้วยการเดินทางไปขึ้นรถบัสที่ Shinjuku Expressway Bus Terminal (Busta Shinjuku) สถานีรถโดยสารแห่งใหม่ล่าสุดของชินจูกุ เปิดให้บริการทดแทนของเดิมเมื่อวันที่ 4 เมษายน ค.ศ.2016 ที่ผ่านมา อาคารตั้งอยู่ตรงข้ามทางออก South Exit ของสถานีรถไฟ JR Shinjuku ครับ

เมื่อเจอตึกแล้วให้ข้ามถนนเดินขึ้นบันไดเลื่อนจากทางเท้าขึ้นมาที่ชั้น 4 ได้เลย






มาเดินสำรวจบรรยากาศแถวนี้กันหน่อยดีกว่า…
ที่จุดนี้จะมีร้านค้าอยู่เป็นจำนวนมาก มีทั้งศาลเจ้า Komitake ร้านขายของฝาก ร้านอาหาร ร้านอุปกรณ์ปีนเขา และมีห้องน้ำให้ใช้บริการ (เสียเงินครั้งละ 200 เยน) อยากจะบอกว่าจริงๆตรงจุดนี้มีห้องน้ำฟรีอยู่ด้วย ให้เดินลงมาเข้าห้องน้ำตรงลานจอดรถครับ

“ความแน่นอน คือความไม่แน่นอน”
ได้ชุดแล้วเราขึ้นบันไดไปชั้นสาม เตรียมตัวเปลี่ยนชุดกันดีกว่า…



อยากจะบอกว่าห้องพักชั้นสามของร้านไม่มีห้องแต่งตัวให้นะครับ เป็นแค่ที่นั่งพักสำหรับสวมอะไรนิดๆหน่อยๆ (แต่ก็ยังดีนะที่ฟรี) หากใครต้องการถอดเสื้อหรือกางเกงเพื่อเปลี่ยน อาจต้องยอมเสียเงิน 200 เพื่อเข้าห้องน้ำไปเปลี่ยนครับ หรือถ้ายอมเดินไกลหน่อยก็สามารถไปใช้บริการห้องน้ำที่ลานจอดรถได้ฟรีครับ





ระหว่างที่รับประทานข้าวกลางวันอยู่นั้น ก็มีโทรศัพท์จากเมืองไทยโทรมาว่า ขณะนี้ “โนรู”หนึ่งในพายุใต้ฝุ่นที่รุนแรงที่สุดของโลกปีนี้ ได้เปลี่ยนทิศจากเดิมที่จะผ่านแค่เกาะตอนใต้ของญี่ปุ่นไปยังโตเกียว และ ณ เวลานี้ใจกลางของพายุกำลังจะมาถึงภูเขาไฟฟูจิในไม่ช้า…
อื้อหืออ พีคมากครับ อุตส่าห์ตั้งใจวางแผนเลือกวันปีนเขาเพื่อเลี่ยงคน เลือกดูวันที่ฟ้าสดใสจากไทยมาอย่างดี ปรากฏมีเรื่องเหนือความคาดหมายมาเสียเฉยๆ พอมองออกไปนอกหน้าต่างจากท้องฟ้าที่เคยสว่างสดใส กลับแปรเปลี่ยนเป็นหมอกหนา และกลายเป็นพายุฝนตกกระหน่ำในที่สุด ผู้คนต่างวิ่งหนีฝนกันอย่างอลหม่าน

โชคดีครับที่บนนี้มีสัญญาณโทรศัพท์เต็มอยู่ ทำให้ Pocket Wifi ที่ผมพกด้วยมาใช้งานได้ (ผมใช้งาน Pocket Wifi ของบริษัท EasyPocketwifi ครับ สัญญาณค่อนข้างดีเลยทีเดียว)

“พี่เจี๊ยบ” พี่คนไทยที่โทรศัพท์ผ่านไลน์มาเตือนผม ได้แนะนำให้ผมเอาชุดปีนเขาที่เช่ามาคืนกับทางร้านไปก่อน รอให้พายุใต้ฝุ่นลูกนี้ผ่านไปจึงค่อยมารับชุดและปีนภูเขาไฟฟูจิอีกครั้ง โดยเขาจะช่วยพูดประสานงานเป็นภาษาญี่ปุ่นกับทางพนักงานร้านและทางโรงแรมบนเขาที่จองเอาไว้ให้ว่าเรามีความจำเป็นต้องเลื่อนแผนการเดินทาง ในวันนี้ผมควรรีบลงจากภูเขาไฟฟูจิก่อน เพราะถึงฝืนปีนไปก็อาจลื่นและเป็นอันตรายกับตัวเองได้ครับ
แต่ก่อนจะยกเลิกอะไรพี่เขาแนะนำว่าให้ลองไปถาม Tourist Information Center ที่อยู่ใกล้ๆกันก่อน เมื่อไปสอบถามแล้วก็ได้ใจความว่าทุกคนก็เพิ่งทราบว่าจะมีพายุเข้ามาวันนี้ ในตอนนี้เขาไม่แนะนำให้ทุกคนปีนเขาครับ
ต้องขอบคุณพี่เจี๊ยบมากๆเลยครับที่ช่วยโทรศัพท์มาเตือนผมไว้ :]

หลังจากที่พี่เจี๊ยบช่วยประสานงานจนคืนชุดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมกับเพื่อนจึงรีบวิ่งไปต่อคิวซื้อตั๋วรถบัสกลับลงไปที่เมืองคาวากุจิโกะทันที แต่พบว่ามีคนที่ยกเลิกแพลนแบบเดียวกับผม และต่อคิวเพื่อซื้อตั๋วรถลงไปข้างล่างเป็นจำนวนมาก ตอนที่ผมถึงคิวซื้อตั๋วผมเห็นที่กระจกด้านหน้าเคาน์เตอร์ฺมีแปะประกาศแจ้งยกเลิกรถบัสที่จะวิ่งลงไปข้างล่างหลังรอบเวลา 15.10 น. ด้วย เนื่องจากเหตุพายุโหมกระหน่ำครับ


ตอนนี้รอบเวลาของรถทั้งหมดไม่สามารถจองได้ครับ เขาให้คนซื้อตั่วเสร็จยืนต่อคิวเรียงกัน รถมาถึงเมื่อไหร่ก็ให้ขึ้นเท่าที่จะขึ้นได้เลยทันที คนแน่นมากจนถึงหน้ารถเลยครับ ผมกับเพื่อนเลยต้องยืนระหว่างทางเดินของรถไปตามระเบียบ

ด้วยเหตุนี้แผนการพิชิตยอดภูเขาไฟฟูจิครั้งแรกของผมจึงล่มไม่เป็นท่า ผมเดินทางมาถึงเมืองคาวากุจิโกะประมาณ 15.00 น. เปลี่ยนแผนสลับจากเดิม โดยเดินทางไปที่โรงแรมแคปซูลเลย (จะไปไหนต่อก็ไม่ได้เพราะฝนตกหนัก) จากนั้นจึงใช้เวลาท่องเที่ยวในคาวากุจิโกะก่อนประมาณ 2-3 วัน สะสมแรงให้พร้อมแล้วค่อยไปตะลุยภูเขาไฟฟูจิใหม่
ในตอนนั้นผมได้แต่ตั้งความหวังในใจลึกๆว่า ผมจะได้ปีนภูเขาไฟฟูจินี้ใหม่อีกครั้งในวันที่ฟ้าสดใสครับ 😭😭
To be continued in Part 2
One Reply to “[รีวิว] ประสบการณ์ “ปีนภูเขาไฟฟูจิ” ครั้งนั้น…ฉันไม่ลืม”